โษณาต่อต้านคอรัปชั่น

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ประเทศออสเตรีย


 ประเทศออสเตรีย : กรุงเวียนนา       
ที่ตั้ง : ออสเตรียตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปตอนกลาง ทำให้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างยุโรปตะวันออก กับยุโรปตะวันตก มีพรมแดนติด 8 ประเทศ คือ เยอรมัน สาธารณรัฐเช็ค สาธารณรัฐสโลวัค ฮังการี สโลเวเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์
พื้นที่ : 83,855 ตารางกิโลเมตร (เล็กกว่าไทย 6 เท่า)
ภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาสูงซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุและที่ราบลุ่มเพื่อการเพาะปลูก แม่น้ำดานูบไหลผ่านออสเตรียเป็น ระยะทาง 220 ไมล์ ร้อยละ 46 ของพื้นที่ประเทศเป็นป่าไม้ ออสเตรียมีภูมิประเทศที่สวยงามจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของยุโรป มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
เมืองหลวง : กรุงเวียนนาเป็นเมืองหลวงของออสเตรีย เป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติแห่งที่สาม และเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะการดนตรี
ประชากร : 8 ล้านคน ร้อยละ 98 พูดภาษาเยอรมัน
ศาสนา : ร้อยละ 78 นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิค ร้อยละ 5 นับถือนิกายโปรแตสแตนท์
มีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนประมาณ 160,000 คน กฎหมายออสเตรียให้เสรีภาพแก่คนที่มีอายุ 14 ปี ในการเลือกนับถือศาสนา

ธงชาติและเพลงชาติ
    ธงชาติของออสเตรียมีสีแดง ขาว แดง ซึ่งเป็นสีของโล่ของนักรบตระกูลบาเบนแบร์ก ซึ่งเป็นผู้ที่นำความรุ่งเรือง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมาสู่ออสเตรียเป็นครั้งแรกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10
    ส่วนเพลงชาตินั้นได้รับการประพันธ์คำร้องโดยเพาลา ฟอน เพรราโดฟิค โดยใช้ท่วงทำนองของ โมสาร์ต ความหมายในเนื้อร้องบรรยายถึงความสวยงามทางธรรมชาติและความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของประเทศ เช่น ตอนหนึ่งที่ว่า ออสเตรียเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและสายน้ำ อันหมายถึงเทือกเขาแอลป์และแม่น้ำดานูบนั่นเอง

ข้อมูลทั่วไป    คนออสเตรียเป็นคนอนุรักษ์นิยมไม่ชอบความรุนแรง รักธรรมชาติ สนับสนุนรัฐสวัสดิการและความมั่นคงในการทำงาน และส่งเสริมการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและความรุนแรง และพยายามประสานผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ทำให้ออสเตรียเป็นประเทศที่มีความสงบเรียบร้อยและมั่นคง
     ออสเตรียมีการผสานประโยชน์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างทำให้แทบไม่มีการนัดหยุดงาน และช่วยให้อัตราการว่างงานออสเตรียอยู่ในระดับต่ำ

การเมือง การปกครอง    ออสเตรียเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ Burgenland, Carinthia, Lower Austria, Upper Austria, Salzburg, Styria, Tirol, Vorarlberg และเวียนนา (ซึ่งเป็นเมืองหลวงและจังหวัด) แต่ละจังหวัดมีอำนาจปกครองเป็นอิสระ
   โดยทั่วไปจังหวัดมีอำนาจในการออกกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อการปกครองตนเองเกือบทุกเรื่อง ยกเว้น การต่างประเทศและการป้องกันประเทศ แต่ละจังหวัดมี Governor ซึ่งได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
   ออสเตรียมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ โดยได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 6 ปี ส่วนนายกรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีจากหัวหน้าพรรคที่ได้เสียงข้างมากในสภา ส่วนรัฐสภาประกอบด้วย สภาล่าง มีสมาชิก 183 คน ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก 4 ปี และสภาสูง มีสมาชิก 64 คน ได้รับเลือกจากสภาจังหวัด
    ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ มีศาลพิจารณาคดีแพ่งและคดีอาญา (โทษสูงสุดในคดีอาญา คือ จำคุกตลอดชีวิต ไม่มีโทษประหารชีวิต) และมีศาลพิเศษ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร และศาลปกครองให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จากการละเมิดบทบัญญัติของกฎหมาย นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญหรือการกระทำมิชอบโดยฝ่ายบริหาร
เศรษฐกิจ    เศรษฐกิจของออสเตรียพึ่งพาการผลิตภาคอุตสาหกรรมและรายได้จากการค้า การบริการและการท่องเที่ยวเป็นหลัก และเป็นประเทศที่มั่งคั่งมากประเทศหนึ่งในยุโรป มีรายได้ประชาชาติต่อหัว 24,000 เหรียญสหรัฐฯ ประชาชนมีการศึกษาสูงและ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
    อุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญ คือ เครื่องจักร อุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ เหมืองแร่ อุตสาหกรรมเคมีและสิ่งทอ การเกษตร สามารถผลิตได้เพียงพอบริโภคภายในประเทศ
    ระบบเศรษฐกิจออสเตรียเป็นแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยม ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและทรัพย์สิน แต่รัฐจะเข้ามีบทบาทในการดำเนินอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ และกิจการสาธารณูปโภค
ภูมิอากาศ    ภูมิอากาศของออสเตรียมีความแตกต่างกันตามระดับความสูงของพื้นที่และอิทธิพลที่ได้รับจากภาคพื้นทวีป มหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและกระแสลมบางกระแสในท้องถิ่น
ในฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ทั่วประเทศมีอากาศค่อนข้างอบอุ่นสำหรับชาวยุโรป ซึ่งหมายถึงค่อนข้างเย็นจนถึงเย็นพอสบายสำหรับคนไทย
ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) มีอากาศอบอุ่นจนถึงค่อนข้างร้อนซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่คล้ายคลึงกับฤดูร้อนน้อยหรือที่เราเรียกกันว่าฤดูหนาวในบ้านเรา แตกต่างกันเพียงระดับความชื้นในอากาศที่เมืองเรามีสูงกว่ามากเท่านั้นเอง ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ของออสเตรียหนาวจัดในระดับที่เรียกว่าทารุณสำหรับคนเมืองร้อน ฤดูหนาวมักจะสิ้นสุดลงพร้อมกับการมาของเฟิน (fohn) ซึ่งเป็นกระแสลมอุ่นและแห้งที่พัดมาจากทางใต้

อุณหภูมิเฉลี่ย ตลอดปีอยู่ระหว่าง 6.7-8.9 องศาเซลเซียส

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว ออสเตรียสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยคือเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม

การเตรียมตัวเดินทาง
-เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาลโดยสอบถามกับทางบริษัททัวร์ หรือกรมอุตุนิยมวิทยา
โทร. (02)399-4012-3 หรือ 182
-นำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไปเท่าที่จำเป็น เสื้อผ้าและรองเท้าควรคำนึงถึงความสะดวกสบาย
เป็นหลัก
-ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร เพราะทุกทัวร์จะจัดให้รับประทานอาหารจีนหรือแม้แต่อาหารไทยถ้าทำได้
-ติดป้ายชื่อ และที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษที่กระเป๋าให้ชัดเจน
-หากสงสัยในรายละเอียดของโปรแกรมทัวร์ ควรสอบถามให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจจอง
-ควรศึกษาข้อมูลด้านต่างๆเกี่ยวกับประเทศที่จะเดินทางไปเยือนไว้บ้าง เพื่อเป็นการเตรียมใจและความคิดอย่างถูกต้องตรงกับความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
-เตรียมแลกเงินสกุลต่างๆเท่าที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ระหว่างการเดินทางควรเป็นภาระของบัตรเครดิต และไม่ควรพกพาของมีค่าไปมากมายเกินความจำเป็น
-ถ้ามีโรคประจำตัว อย่าลืมเตรียมยาที่จำเป็นและทำประกันสุขภาพไปด้วย
-เตรียมจิตใจให้พร้อมกับการปรับตัวและประนีประนอม เพราะในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะเมื่อเดินทางกับคนหมู่มาก อาจต้องประสบกับความไม่ถูกตาถูกใจอยู่บ้าง

การเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์
-มาพร้อมที่สนามบินตามเวลานัดหมาย
-ติดป้ายเครื่องหมายของกรุ๊ปทัวร์ตลอดการเดินทาง เพื่อว่าหากเกิดการพลัดหลงหรือสับสน
หัวหน้าทัวร์จะได้สังเกตได้ง่าย

การเป็นลูกทัวร์ที่ดี
-ติดเครื่องหมายของกรุ๊ปทัวร์เสมอ เพื่อป้องกันการพลัดหลง
-เดินตามไกด้ หากมีความจำเป็นต้องแยกจากกลุ่มต้องแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบก่อน
-ขณะที่ไกด์บรรยายหรือให้ความรู้และข้อมูลต่างๆควรตั้งใจฟัง หรืออย่างน้อยถ้าไม่สนใจจริงๆ
ก็ควรรักษามารยาทด้วยการรักษาความสงบ
-ผลัดเปลี่ยนให้เพื่อนร่วมทางได้นั่งข้างหน้า หรือริมหน้าต่างบ้าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่แย่ง
ขึ้นรถไม่ทัน
-โปรดเกรงใจและเคารพสิทธิ์ของเพื่อนร่วมทัวร์ในทุกกรณี
-การเช็คเอาต์ออกจากโรงแรมทุกครั้ง หมายถึงการนำกระเป๋าใหญ่วางไว้นอกห้องตรงหน้าประตู
หากมีกระเป๋าใหญ่เพิ่มขึ้นต้องรีบแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบ
-ก่อนออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปถ้ามีค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์
ค่าซักรีด ฯลฯ ต้องทำการชำระเองให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะออกเดินทาง
-เครื่องดื่มพิเศษระหว่างการรับประทานอาหารต้องชำระเอง

สิ่งที่ควรรู้สำหรับการเดินทางกับทัวร์-การไปเที่ยวกับทัวร์เป็นการเหมาจ่าย โดยทั่วไปแล้วเมื่อร่วมคณะไปหากไม่ได้ตามรายการพร้อมคณะ เช่น ไม่ไปรับประทานอาหารด้วย ฯลฯ ย่อมไม่อาจขอเงินในส่วนนั้นๆคืนได้
-น้ำหนักสัมภาระเฉลี่ยต่อคนในการโดยสารเครื่องบินคือ 20 กิโลกรัม หากสัมภาระมีน้ำหนักเกินกว่านั้น เจ้าของจะต้องจ่ายค่าน้ำหนักที่เกินนั้นเอง
-ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้สูงอายุ ควรมีผู้ดูแลหรือญาติร่วมเดินทางไปด้วย หัวหน้าทัวร์ไม่อาจดูแลเฉพาะตัวให้ได้ เพราะต้องรับผิดชอบลูกทัวร์ทั้งคณะ
-เด็กเล็กๆไม่ควรไปเที่ยวกับทัวร์เพราะอาจรบกวนผู้ร่วมคณะ และเป็นเหตุให้เกิดความไม่สะดวกหรือความล่าช้าขึ้นได้
-ตั๋วเครื่องบินใช้ได้เฉพาะสายการบินและเที่ยวบินที่ระบุไว้เท่านั้น ในกรณีที่ไม่ได้ใช้จะนำมาคืนเป็นเงินไม่ได้
-บริษัททัวร์จะไม่รับฝากกระเป๋าหรือสิ่งของใดๆกลับ เนื่องจากเป็นเรื่องนอกเหนือความรับผิดชอบ
-โดยทั่วไป บริษัททัวร์จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น เช่น อุบัติเหตุ
การนัดหยุดงาน การเจ็บป่วยของลูกทัวร์ระหว่างการเดินทาง ยกเว้นบางบริษัทที่อาจมีการประกันอุบัติเหตุให้ แต่ผู้ที่จ่ายเบี้ยประกันก็คือลูกทัวร์นั่นเอง เพราะบริษัทได้คิดค่าใช้จ่ายรวมไว้แล้ว
ในค่าบริการ

ข้อควรระวังในการเดินทางไปกับทัวร์
-พึงระมัดระวังดูแลทรัพย์สินมีค่าของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ไปชมสถานที่ต่างๆในย่านชุมชน และไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในที่พักหรือบนรถ
-กระเป๋าถือ กล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ ควรนำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ไม่ควรฝากไว้กับผู้อื่น หรือแม้แต่ที่เคาเตอร์ของโรงแรม ไม่ควรแขวนไว้ที่พนักเก้าอี้หรือบนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นในห้องอาหาร ล็อบบี้ของโรงแรม หรือในสถานที่อื่นใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น